///วัตถุมงคล/เครื่องราง...เริ่มหน้า 72..//

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pitiphat, 20 มกราคม 2018.

  1. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบการจองครับ
     
  2. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่92 พระประจำวันเกิด วันพฤหัสบดี พระร่วงโรจนฤทธิ์ จากพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ด้านหน้ามีสีส้ม ด้านหลังเป็นพระพุทธปางสมาธิ หรือปางตรัสรู้
    ประวัติ พระร่วงโรจนฤทธิ์ วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม

    วัดพระปฐมเจดีย์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ ชนิดราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ใน ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม วัดแห่งนี้ เป็นที่ตั้งประดิษฐานองค์พระปฐมเจดีย์ ปูชนียสถานเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในไทย
    ทั้งนี้ วัดพระปฐมเจดีย์ ยังมี "พระร่วงโรจนฤทธิ์" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดนครปฐม เป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป มีชื่อเต็ม คือ "พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรโมภาส มหาวชิราวุธ ราชปูชนียบพิตร" ตามประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พุทธศักราช 2466 แต่ประชาชนทั่วไป เรียกขานว่า "หลวงพ่อพระร่วง" หรือ "พระร่วงโรจนฤทธิ์"

    เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ทำด้วยทองเหลืองหนัก 100 หาบ ศิลปะสุโขทัย สูง 12 ศอก 4 นิ้ว ประทับยืนบนฐานโลหะทองเหลืองลายบัวคว่ำบัวหงาย ทำวงพระพักตร์ตามยาว พระหนุเสี้ยมนิ้วพระหัตถ์ พระบาทไม่เสมอกัน ห้อยพระหัตถ์ซ้ายลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ขวายกตั้งขึ้น ยื่นไปข้างหน้า มีพระอุทรพลุ้ย บ่ายพระพักตร์สู่ทิศเหนือ

    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระยุพราช เสด็จประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือในปี พ.ศ.2451 ได้ทอดพระเนตรพระพุทธรูปโบราณเป็นอันมาก แต่มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่เมืองศรีสัชนาลัย (สุโขทัย) กอปรด้วยพระลักษณะงามเป็นที่ต้องพระราชหฤทัย แต่ชำรุดมาก เหลืออยู่แต่พระเศียร พระหัตถ์และพระบาท

    จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญลงมากรุงเทพฯ แล้วให้ช่างปั้นสถาปนาขึ้นมาบริบูรณ์เต็มพระองค์ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีเททองหล่อ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2456 ณ วัดพระเชตุ พนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ โดยมีผู้ออกแบบ คือ กรมหลวงนเรศร์วรฤทธิ์ (พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร)

    จากนั้นได้อัญเชิญมาสู่จังหวัดนครปฐม เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2457 ทางรถไฟ ประดิษฐาน ณ พระวิหารด้านทิศเหนือ องค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ราช วรมหาวิหาร จนถึงปัจจุบัน

    เมื่อครั้งอัญเชิญพระร่วงฯ มาประ ดิษฐานยังองค์พระปฐมเจดีย์ จำเป็นต้องแยกชิ้นมาประกอบเข้าด้วยกันที่จังหวัดนครปฐม เสร็จเป็นองค์สมบูรณ์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2458

    หลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต ตามความในพระราชพินัยกรรมของพระองค์ระบุว่า ให้บรรจุพระอังคารของพระองค์ไว้ใต้ฐานพระร่วงฯ ที่องค์พระปฐมเจดีย์ ในวันที่ 31 สิงหาคม 2469 จึงได้ทำพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรังคาร ณ ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตามพระราชประสงค์

    มีความเชื่อว่า พระร่วงโรจนฤทธิ์ โปรดหรือชอบลูกปืน โดยต้องแก้บนด้วยการยิงปืน แต่ต่อมาเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จึงใช้จุดประทัดแทน และอีกอย่างที่เป็นของโปรด (ตามความเชื่อของชาวบ้าน) คือ ไข่ต้ม และไม่ใช่ไข่ต้มธรรมดาต้มสุกแล้วต้องชุบสีแดงที่เปลือกไข่แล้ว ก่อนนำมาแก้บน

    ในการบนบานขอพรหรือขอความสำเร็จต่างๆ จากองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ชาวบ้านทั้งชาวไทยชาวจีนในนครปฐมเป็นที่ทราบกันทั่วไปที่ผ่านมาเคยเห็นมีผู้มาแก้บนด้วยไข่ต้มนับร้อยนับพันใบก็มี

    คำกล่าวบูชาพระร่วงโรจนฤทธิ์ที่แปลแล้วมีว่า "ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าวันทาพระร่วงโรจนฤทธิ์พระองค์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ผู้นมัสการอยู่ แม้พระปฐมเจดีย์ใหญ่ใด ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่ประดิษฐานองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ซึ่งมีปาฏิหาริย์ไม่น้อย งดงามดุจพระจันทร์ในยามราตรี ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าวันทาพระปฐมเจดีย์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้แก่ผู้ทัศนาอยู่เสมอ ข้าพระพุทธเจ้าขอนมัสการพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระบรมสารีริกธาตุ และองค์พระปฐมเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งควรนมัสการอยู่โดยส่วนเดียว ด้วยเครื่องสักการะคือดอกไม้ไฟอันตั้งอยู่ ณ ทิศ ทั้งสี่ ในบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ ได้แล้วซึ่งบุญอันใด ด้วยอานุภาพแห่งบุญนั้น ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข เป็นผู้ ไม่มีเวร ปราศจากอันตราย เจริญงอก งามไพบูลย์ในธรรมเป็นนิตย์ เทอญ"

    ปิดครับ
    IMG_20180205_204920.jpg
    IMG_20180205_204905.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  3. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่93 พระประจำวันเกิด วันอังคาร พระร่วงโรจนฤทธิ์ จากพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐมมีสีชมพู ด้านหลังเป็นพระพุทธปางไสยาสน์

    สำหรับพระพุทธรูปประจำวันเกิดจะมีทั้งหมด 7 ปาง ตามวันในสัปดาห์ คือ วันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ และเสาร์ และเพิ่มปางวันพุธกลางคืน ที่เรียกว่าวันราหูเข้าไปด้วย

    พระประจำวันเกิด วันอังคาร พระร่วงโรจนฤทธิ์ จากพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม

    มีสีชมพู ด้านหลังเป็นพระพุทธปางไสยาสน์ พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถนอนตะแคงขวา พระบาททั้งสองข้างซ้อนทับเสมอกัน พระหัตถ์ซ้ายทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นรับพระเศียรและมีพระเขนย (หมอน) รองรับ บางแบบพระเขนยวางอยู่ใต้พระกัจฉะ (รักแร้)

    ปิดครับ
    IMG_20180205_205039.jpg
    IMG_20180205_205018.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  4. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่94 พระประจำวันเกิด วันเสาร์ พระร่วงโรจนฤทธิ์ จากพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ด้านหลังเหรียญเป็นคราบน้ำยาเลี่ยมครับ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิดจะมีทั้งหมด 7 ปาง ตามวันในสัปดาห์ คือ วันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ และเสาร์ และเพิ่มปางวันพุธกลางคืน ที่เรียกว่าวันราหูเข้าไปด้วย

    พระประจำวันเกิด วันศุกร์พระร่วงโรจนฤทธิ์ จากพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ด้านหน้ามีม่วง ด้านหลังเป็นพระพุทธปางนาคปรก พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ หงายพระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาซ้อนทับพระหัตถ์ซ้ายเหมือนปางสมาธิ แต่มีพญานาคขนดร่างเป็นวงกลมเป็นพุทธบัลลังก์และแผ่พังพานปกคลุมอยู่เหนือพระเศียร

    ปิดครับ
    IMG_20180205_205157.jpg
    IMG_20180205_205143.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  5. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่95 พระเนื้อผงพุทธคุณผสมอัฐิ หลวงปู่บุญมี อายุ 89 ปี ที่ระฤกสร้างเจดีย์ กตัญญูกตเวทิตา ปี 2521ด้านหลังมีเส้นเกสาสองเส้นครับ
    "หลวงพ่อบุญมี"วัดอ่างแก้ว
    ศิษย์เอกหลวงปู่เอี่ยม-เยี่ยมยุทธ์พุทธาคม


    พระครูพรหมโชติวัฒน์ หรือ หลวงพ่อบุญมี พรหมโชติโก อดีตเจ้าอาวาสวัดอ่างแก้ว เขตภาษีเจริญ กรุงเทพ หนึ่งในพระเกจิดังฝั่งธนบุรี ท่านเป็นศิษย์เอกอีกองค์ของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง มีชื่อเสียงร่วมสมัยกับเจ้าคุณผล วัดหนัง หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร หลวงพ่อแช่ม วัดนวลนรดิศ หลวงพ่อโชติ วัดตะโน เป็นต้น

    แม้ว่าชื่อเสียงหลวงพ่อบุญมีจะไม่โด่งดังเท่าหลวงปู่โต๊ะ แต่เรื่องวิชาอาคมของหลวงพ่อบุญมีไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะท่านได้วิชาจากหลวงปู่เอี่ยมมาเต็มๆ แถมยังได้รับความไว้วางใจให้มาดูแลวัดอ่างแก้ว ตั้งแต่ ปี 2487 ซึ่งถือเป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่ง เพราะสร้างโดยหลวงปู่รอด วัดนางนอง ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง

    ที่สำคัญ งานปลุกเสกพระเครื่องยุคนั้น ต้องนิมนต์ท่านไปร่วมอธิษฐานจิต ไม่ว่างานใหญ่หรือเล็ก

    ท่านเกิดวันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2432 อุปสมบท วันที่ 1 มิถุนายน 2452 ณ พัทธสีมาวัดอ่างแก้ว มรณภาพ วันที่ 15 ธันวาคม 2524 เวลา 19.05 น. สิริอายุ 92 ปี 9 วัน 72 พรรษา

    วัตถุมงคล เด่นด้วยพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม
    นอกเวปปิดครับ
    IMG_20180205_210459.jpg
    IMG_20180205_210441.jpg
    IMG_20180205_210111.jpg IMG_20180205_210048.jpg IMG_20180205_210710.jpg IMG_20180205_210742.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  6. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่96 ท้าวเวสสุวรรณ พิมพ์ห้าเหลี่ยม ทาทองเดิม เนื้อผงพุทธคุณ หลังฝังเพชรหน้าทั่ง ด้านหน้าจารดินสอ วัดสุทัศนเทพวราราม
    ประวัติท้าวเวสสุวรรณ ตำนานท้าวเวสสุวัณ มีกำเนิดจากหลายตำนานรูปร่างหน้าตาของท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) จะเป็นที่คุ้นเคยในบ้านเราเป็นอย่างดี คือ เป็นรูปยักษ์ถือตะบองขนาดใหญ่ ด้วยท่านเป็นเจ้าแห่งอสูร รากษสและภูตผีปีศาจ

    ท้าวเวสสุวรรณคือใคร ถ้าหากจะพูดถึง “เจ้า” หรือ “นาย”แห่งภูตผีปีศาจทั้งหลายแล้ว เรามักจะเอ่ยนาม “ท้าวเวสสุวัณ” หรือที่พราหมณ์เรียกกันว่า “ท้าวกุเวร” และทางพุทธเรียก “ท้าวไพสพ” ซึ่งสถิตอยู่ในสวรรค์ชั้นล่างสุดของฉกามาพจร ชื่อสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกาภูมิ

    รูปร่างหน้าตาของ ท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) จะเป็นที่คุ้นเคยในบ้านเราเป็นอย่างดี คือ เป็นรูปยักษ์ถือตะบองขนาดใหญ่ ด้วยท่านเป็นเจ้าแห่งอสูร รากษส และภูตผีปีศาจ คนโบราณจึง มักทำ รูปท้าวเวสสุวรรณ แขวนไว้เหนือเปลเด็กอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ภูตผีปีศาจมารบกวนเด็กเล็ก และนิยมทำ ผ้ายันต์รูปท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) หรือจำหลักเป็นด้ามของมีดหมอที่สัปเหร่อใช้กำราบวิญญาณ เนื่องจากสมัยก่
    อนเวลาเผาศพก็ยกขึ้นกองฟอนแล้วใส่ไฟเผา พอร้อนเข้าเส้นเอ็นก็ยึดถึงขนาดลุกขึ้นนั่ง สัปเหร่อเลยต้องใช้มีดกรีดตามเส้นเอ็นก่อน ทีนี้พอยกขึ้นเผาศพก็จะไม่กระดุกกระดิก เลยเป็นความเชื่อว่ามีดหมอจำหลักรูปท้าวเวสสุวัณสามารถปราบผีได้
    ประวัติท้าวเวสสุวรรณ ตำนานท้าวเวสสุวัณ คติความเชื่อแบบไตรภูมิ เชื่อว่ามีท้าวโลกบาลประจำอยู่ 4 ทิศ จึงนิยมจำหลักอยู่ตามบานประตูโบสถ์ วิหาร เรียกว่า “ทวารบาล” หมายถึง ผู้ดูแลประตู บางครั้งพบทวารบาลบางแห่งเป็นแบบจีน แทนที่จะเป็นรูปเทวดาแบบไทยถือพระขรรค์ กลับเป็นเทวดาจีนคล้ายตัวงิ้ว ถือ หอก ดาบ หรือง้าว เหยียบอยู่บนสิงโตจีน เราเรียกว่า “เสี้ยวกาง” หรือ “เซี่ยวกาง” เข้าใจว่าเป็นอิทธิพลของจีนที่เข้ามาสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่ หัว รัชกาลที่ 3 เนื่องจากพระองค์นิยมงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบจีน ท้าวเวสสุวรรณ ของ ท่านเจ้าประคุณศรี(สนธิ์) วัดสุทัศนเทพวราราม

    ท้าวจตุโลกบาลประจำทิศทั้งสี่จะประกอบด้วย
    “ทิศตะวันออก” พราหมณ์เรียก พระอินทร์ พุทธเรียก ท้าวธตรฐ มี คนธรรพ์ เป็นบริวาร
    “ทิศตะวันตก” พราหมณ์เรียก พระวรุณ พุทธเรียก ท้าววิรูปักษ์ มีนาค ครุฑ และเทวดา เป็นบริวาร
    “ทิศใต้” พราหมณ์เรียก พระยม พุทธเรียก ท้าววิรุฬหก มี กุมภัณฑ์ เป็นยักษ์มีอัณฑะใหญ่เท่าหม้อตาลเป็นบริวาร
    และ “ทิศเหนือ” ได้แก่ ท้าวเวสสุวรรณ พราหมณ์เรียก ท้าวกุเวร พุทธเรียก ท้าวไพสพ มี อสูร รากษส และภูตผีปีศาจ เป็นบริวาร

    ท้าวกุเวรนอกจากนี้ ในตำราโบราณและงานวรรณคดีกล่าวตรงกันว่า ท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) เป็นยักษ์ที่มีพัสตราภรณ์และผิวกายสีเหลืองทอง จิตใจดีงาม ดำรงอยู่ในสัตยธรรม ถึงขนาดอุทิศตนถวายพิทักษ์รักษาพุทธสถาน และองค์พระพุทธเจ้า เช่น รูปหล่อปิดทองด้านซ้ายของฐานองค์พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก ก็ทำเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) ส่วนด้านขวาเป็นยักษ์อีกตนหนึ่งชื่อ “อา ฬาวกยักษ์” เหตุที่เรียกกันว่า “ท้าวกุเวร” เนื่องจากพระพรหมเห็นว่ามีรูปร่างไม่ดี ร่างกายพิการต้องถือไม้เท้า จึงตั้งชื่อให้ดังนั้น ที่บ้านเรามาจำหลักเป็นยักษ์ถือตะบองยันพื้น ก็คงจะมีเค้าเงื่อนมาจากเรื่องดังกล่าว

    ความหมายของชื่อ “ท้าวเวสสุวัณ” นั้น เวส แปลว่า พ่อค้า หมายถึง พ่อค้าอันมีทรัพย์ อันได้แก่ ทองคำ เนื่องจากท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) เคยมีอดีตชาติเป็นพราหมณ์ เปิดโรงงานค้าขายหีบอ้อยจนร่ำรวย และได้นำเงินทองบริจาคให้ผู้ยากไร้ เมื่อเกิดใหม่จึงได้ครองเมืองวิสานะนคร ผู้คนจึงเรียกว่าเวสาวัณ ด้วยกุศลดังกล่าวจึงได้รับพรจากพระพรหมให้เป็นอมตะไม่ตาย และให้เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติต่างๆ ทั่วแผ่นดิน

    บ้านเรารู้จักกันในชื่อ “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” หรือในชื่อ “ธนบดี” แปลว่า ผู้เป็นใหญ่ในทรัพย์ หรือ “ธเนศวร” แปลว่า เจ้าแห่งทรัพย์ อีกทั้งมีหน้าที่คอยจดความดีของคนทางทิศอุดรขึ้นไปจารึกและประกาศให้ปวง เทพยดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์รับรู้ ผู้คนจึงนิยมจัดสร้าง หรือ จำหลักรูปท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) และเคารพบูชาเพื่อความมั่งคั่งอีกด้วย คาถาท้าวเวสสุวรรณ ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณ วัดพราหมณี วัดหลวงพ่อปาดแดง รูปหล่อท้าวเวสสุวรรณ เจ้าคุณศรีสนธิ์ วัดสุทัศน์

    ปิดครับ
    IMG_20180205_205426.jpg
    IMG_20180205_205409.jpg
    IMG_20180205_205646.jpg IMG_20180205_205810.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  7. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    แจ้งข่าว พระใบโพธิ์ฝังแร่ หลวงพ่อลี หลวงพ่อทองจัดสร้าง ตอนนี้เหลือ 3 องค์ครับ
     
  8. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    พระใบโพธิ์ เหลือ 2 องค์ครับ
     
  9. ลืมจัง

    ลืมจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +821
    โอนให้แล้วครับ:):)
     
  10. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่97 เหรียญหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงฯ จังหวัดอยุธยา พ.ศ2532 บล็อกวัด พิธีพุทธาภิเศก พ.ศ๒๕๓๒ หลวงปู่ดู่วัดสะแก ปลุกเศก
    วัดพนัญเชิง เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่งของอยุธยา มีชื่อเสียงระบือไปทั่วประเทศโดยเฉพาะ หลวงพ่อโต หรือ เจ้าพ่อซำปอกง ที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมาช้านาน เมื่อมายังวัดแห่งนี้จะไม่แปลกที่จะต้องพบเจอผู้คนจำนวนมากที่ไหลเวียนมานมัสการหลวงพ่อโตกันอย่างเนืองแน่น

    วัดพนัญเชิงเป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนานก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาและไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้ง เป็นผู้สร้างและพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง และในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐกล่าวไว้ว่า ได้มีการสถาปนาพระพุทธรูปพุทธชื่อ”พระเจ้าพแนงเชิง” เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๖๗ ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง ๒๖ ปี หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก
    พระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้าง ๑๔.๒๐ เมตร สูง ๑๙.๒๐ เมตร วัสดุ ปูนปั้นลงรักปิดทองหลวงพ่อโตหรือ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ พระโต ของชาวอยุธยาองค์นี้ ถือกันว่าเป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง พงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๖๘ หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ สถาปนากรุงศรีอยุธยา ๒๖ ปีและเมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตกปรากฏในคำให้การขาวกรุงเก่าว่าพระปฏิมากรใหญ่ที่วัดพนัญเชิงมีน้ำพระเนตรไหลเป็นที่อัศจรรย์ หลวงพ่อโตเป็นพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ชาวจีนมากโดยเรียกกันว่า“ซำปอกง” นอกจากชาวไทยแล้วยังมีผู้มีเชื้อสายจีนหลั่งไหลกันมากราบไหว้บูชาจำนวนมากและเป็นประจำทุกปีจะมีการจัดงานประจำปีใหญ่ๆ ๔ งานกล่าวคือ
    ๑. งานสงกรานต์ ๑๓ เมษายน เป็นงานใหญ่มีการนมัสการและเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระติดต่อกันถึง ๕ วัน
    ๒. งานสรงน้ำและห่มผ้าถวาย วันแรม ๘ ค่ำเดือนเมษายน มีการสรงน้ำและเปลี่ยนผ้าห่มผืนใหม่ ส่วนผืนเก่าที่ใช้มาตลอด ๑ ปี จะฉีกเป้นชิ้นเล็กๆ แจกจ่ายให้ผู้คนนำไปบูชา
    ๓. งานทิ้งกระจาดหรืองานงิ้วเดือน ๙ จะมีงิ้วและมหรสพอื่นๆ เล่นประชันกันอย่างครึกโครมจะมีผู้คนนับหมื่นหลั่งไหลกันมานมัสการนับเป็นงานทิ้งกระจาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยทีเดียว ๔. งานตรุษจีนเป็นงานใหญ่อีกงานหนึ่ง จะมีการเปิดประตูพระวิหารหลวงไว้ทั้งวันทั้งคืนตลอด วันที่จัดงานพระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ

    ในพระอุโบสถวัดพนัญเชิงนั้นมีพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือ พระพุทธรูปทองคำพระพุทธรูปปูน และ พระพุทธรูปนาค พระพุทธรูปทอง เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยทำจาทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 4 ศอก มีสีทองอร่ามใสเป็นเงาสะท้อนอย่างชัดเจน องค์กลางเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยาหน้าตักกว้าง 4 ศอกสูง 5 ศอก ส่วนพระพุทธรูปนาคเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยนั้นจะมีสีออกแดงๆหน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 5 ศอก กล่าวกันว่าพระพุทธรูปทองและนาคนี้เพิ่งถูกพบว่าเป็นพระทองและพระนาคด้วยบังเอิญ เนื่องจากแต่เดิมทีพระทั้งสององค์ถูกฉาบเคลือบด้วยปูน จนมีลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูปปูนปั้นทั่วไป สาเหตุคงเพราะว่าช่วงเวลาก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะถูกข้าศึกบุกตีพระนคร คนในสมัยนั้นเกรงว่าพระพุทธรูปทองและพระพุทธรูปนาคนี้จะถูกขโมยหรือเผาเอาทองไปจึงได้ฉาบปูนเคลือบและปั้นปูนในขณะที่ปูนยังไม่แห้งเพื่อทำเป็นลายจีวรและลักษณะต่างๆเช่น ปั้นรูปพระพักตร์ พระเกศา เพื่อให้เข้าใจว่าไม่ใช่พระทองคำและพระนาค จนกระทั่งในภายหลังมีผู้ไปค้นพบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำ เนื่องจากเศษปูนได้กะเทาะออกมาและเนื้อภายในเป็นทอง จึงได้ค่อยๆกะเทาะปูนออกให้หมด จึงได้เห็นว่าเป็นพระทองคำทั้งองค์และนำมาประดิษฐานอยู่ภายพระอุโบสถของวัด ประสบการณ์หลวงพ่อโตนั้นมากมาย ซักองค์ไว้ติดตัว บล็อควัด หายาก เกจิปลุกเสกมากมาย

    คุณอาณัตินิมนต์ครับ
    IMG_20180206_213419.jpg
    IMG_20180206_213401.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  11. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่98 พระกริ่งญาณวิศิษฏ์ หลวงพ่อทอง วัดอโศการาม
    หลวงพ่อทองท่านสร้างพระกริ่งไว้แจกให้กับพระที่บวชและมาจำพรรษาที่วัดรวมถึงญาตฺโยมที่มาร่วมงานและมากราบท่านที่วัดด้วยครับ หายากครับ คนในพื้นที่หากันมากใครมีก็เก็บเงียบกันหมดครับ
    ประวัติ พระญาณวิศิษฏ์ หรือ หลวงพ่อทอง จนฺทสิริ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2475 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์จักรี ณ พื้นเพเดิมครอบครัวเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาด้วยกันทั้งหมด 9 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 5 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 6 ต่อมาครอบครัวอพยพย้ายถิ่นฐานมาปักหลักอยู่ ณ ต.วังใหญ่ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 3 และเป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันของวัดอโศการาม โดยได้รับสถาปนาตำแหน่งสืบต่อจาก พระเทพโมลี (สำรอง คุณวุฑฺโฒ) ในชีวิตวัยเยาว์ของท่าน ท่านศึกษาจบชั้นเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ต้องเลิกเรียนกลางคันเพื่อมาช่วยเหลือทางบ้านทำนาหาเลี้ยงปากท้อง
    บรรพชา อุปสมบท ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2494 ขณะมีอายุได้ 19 ปี ณ วัดป่าคลองกุ้ง ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี จนกระทั่งเมื่อมีอายุได้ 21 ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี พ.ศ. 2496 ก่อนย้ายไปพักจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาแก้ว ต.หนองตาคง อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
    ปฏิบัติธรรม ผู้ที่คอยชี้ทางส่งเสริมให้ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน คือ พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ลี ธมมฺธโร) หรือท่านพ่อลี ธมฺมธโร ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาแท้ๆ นั่นเอง[2] หลวงพ่อทอง ได้ศึกษาวิชาความรู้จากท่าน ถึงแม้ว่าท่านจะเคยศึกษาวิชาบาลีที่กรุงเทพ ฯ มาแล้วก็ตาม จนมาถึงปี พ.ศ. 2500 ไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์บ้านสันกอเก็ด ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา 3 ปี กระทั่งท่านพ่อลีได้มรณภาพลง ท่านจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดอโศการาม และท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอโศการามเมื่อปี พ.ศ. 2534 จนถึงปัจจุบัน ในด้านพระธรรม หลวงพ่อทองท่านมักจะเน้นเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และท่านก็เคยกล่าวไว้ว่า การฝึกธรรมมะ ต้องรู้จักการฝึกความอดทนไว้ก่อน และต้องมีสติด้วย เพราะมนุษย์ ไม่มีจุดยืนในความคิด ชอบใช้สติปัญญาของตนไปตัดสินโดยการสังหารกิเลสของตนเอง เมื่อสมาธิเป็นสมถะจิตจะบังเกิดความสงบ อย่างบางคนบอกอะไรอนิจจัง อะไรไม่เที่ยง อะไรก็อยู่ไม่ได้ อะไรแตกดับ ทำไมไม่ถึงวิปัสสนา เพราะใจมันยังไม่มีสมถะ ใจมันไม่นิ่ง ใจมันส่ายไปมา พอใจหยุดนิ่ง สิ่งที่เห็นคือพระ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ไม่ได้เห็นจากดวงตา สิ่งที่มันเกิดคือผู้รู้แท้ ถ้ารู้ใจเจ้าของคือผู้รู้ตน ใจก็อยู่ที่ใจ ไม่ใช่เอาใจไปไว้ที่หัวหรือบนผม รู้จักที่มาที่ไป ไม่ใช่ไปรู้ตามหนังสือที่เขียน แล้วก็หอบสังขารไป” พระอาจารย์ทองท่านเป็นนักเทศน์ธรรมมะรูปหนึ่ง ที่ติดรับกิจนิมนต์ตลอดเวลา
    ปิดครับ
    IMG_20180206_214942.jpg
    IMG_20180206_214927.jpg
    IMG_20180206_215255.jpg IMG_20180206_215333.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  12. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่99 พระสมเด็จหลวงพ่ออยู่ วัดดักคะนน เนื้อผงใบลานเผาสีดำ พิมพ์เล็ก
    พระสมเด็จหลวงพ่ออยู่ วัดดักคะนน เนื้อผงใบลานเผาสีดำ พิมพ์เล็ก จ.ชัยนาท ท่านเป็นพระร่วมสมัยกับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า,หลวงพ่อคง วัดบางกะพี้ เคยได้รับนิมนต์อาราธนาไปปลุกเสกพระร่วมกันบ่อยๆครับ จนได้รับสมญานามร่วมกันว่า "คงอยู่สุข" สลับคำยังไงก็ฟังไพเราะครับ ท่านเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อผล วัดดักคะนน เจ้าอาวาสองค์ต่อมาซึ่งค้นพบพระที่หลวงพ่ออยู่สร้างไว้หลายไห ใต้ฐานประประธาน มีหลายพิมพ์ ทั้งมีพิมพ์ใหญ่ขนาดฝ่ามือเป็นพิมพ์คะแนนและพิมพ์เล็ก มีทั้งเนื้อผงขาวและเนื้อใบลานสีดำ ด้านหลังจะเป็นรูปเหมือนท่าน มีตัวหนังสือบอกชัดเจน พระแท้ เล่นง่าย สภาพสวย ไม่แพง ขี้กรุดินแดงๆเดิมๆยังอยู่ รับประกันแท้ตามหลักสากลนิยม เก๊คืนเงินสดเต็มจำนวนครับ
    พระสมเด็จหลวงพ่ออยู่วัดดักคะนน

    ประวัติหลวงปู่ทองอยู่ ติสสโร (เป็นผู้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดดักคะนน)
    หลวงปู่อยู่ท่านเป็นพระเก่งเรื่องเวทย์วิทยาคม ท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และหลวงพ่อคง วัดบางกะพี้ พระอาจารย์ทั้งสามองค์ชาวบ้านที่ชัยนาท และจังหวัดใกล้เคียงต่างให้ความเคารพนับถือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ซึ่งท่านได้เดินทางไปมาหาสู่เพื่อแลกเปลี่ยนวิชาซึ่งกันและกันเป็นประจำ จนเรียกว่า"กินกันไม่ลง"
    หลวงปู่อยู่ แห่งวัดดักคะนน เป็นพระผู้มีบารมีธรรมสูงอีกทั้งเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์องค์หนึ่ง เป็นผู้บุกเบิกร่วมกับชาวบ้านในการบูรณะวัดหลังจากถูกปล่อยเป็นวัดร้างเป็นเวลานาน

    พระสมเด็จกรุวัดดักคะนนนี้เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2530 ได้มีพระแตกกรุออกมา และสนามพระหลายแห่งได้นำมาออกให้เช่าบูชากัน เป็นที่โด่งดังเกรียวกราว พระแท้ ๆ ที่ออกมามีจำนวนไม่มากนักก็หมดลงอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นาน ประกอบกับมีของเทียม ตามออกมาอย่างรวดเร็ว บรรดาผู้เสียผลประโยชน์จึงใช้เป็นเครื่องมือโจมตี ว่าพระชุดนี้เก๊ทั้งกรุและพอดีกับที่ไม่มีพระแท้ ๆ
    หมุนเวียนให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว จึงทำให้พระเงียบหายไปจะเล่นหาในหมู่ผู้รู้เท่านั้น
    พระชุดนี้สร้างโดยหลวงพ่ออยู่ แห่งวัดดักคะนน พระผู้มีบารมีธรรมสูงส่งอีกทั้งเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์องค์หนึ่ง นอกจากนี้ท่านยังเป็นสหายสนิทกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระอาจารย์ทั้งสององค์ชาวบ้านที่ชัยนาท และจังหวัดใกล้เคียงต่างให้ความเคารพนับถือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน หลวงพ่อทั้งสองต่างเดินทางไปมาหาสู่เพื่อแลกเปลี่ยนวิชาซึ่งกันและกัน เป็นประจำจนเรียกว่ากินกันไม่ลง

    พระชุดนี้จึงไม่แปลกที่หลวงปู่ศุข จะมอบมวลสารชั้นยอดและมีส่วนร่วมในการจัดสร้าง รวมถึงการปลุกเสกด้วย พระสมเด็จที่สร้างมีทั้งหมด 5 พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ฐานแซม พิมพ์เจ็ดชั้นและเก้าชั้น เสร็จแล้วได้บรรจุไว้ใต้ฐานพระประธานโบสถ์ จนกาลเวลาล่วงเลยมา พระได้แตกกรุออกมาเพราะพระประธานชำรุดเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ กรรมการวัดจึงมีมติที่จะรื้อและสร้างใหม่ จึงพบพระสมเด็จไหลทะลักออกมาจากใต้ฐานพระประธาน หลวงพ่อผลเจ้าอาวาสในขณะนั้นจึงนำมาให้ทำบุญและแจกจ่ายวัดต่าง ๆ ในละแวกนั้นเพื่อหาทุนสร้างโบสถ์ มีผู้ไม่ทราบข้อมูลเข้าใจผิดว่า เป็นพระสมเด็จของหลวงพ่อผล ภายหลังผู้ใช้ไปประสบอภินิหารย์หลายอย่าง
    จน
    ชาวบ้านขนานนามว่า มีพระสมเด็จ "อยู่ - ศุข" จะอยู่รอด ปลอดภัยมีความสุข
    สมเด็จกรุวัดดักคะนนนี้คนพื้นที่เล่าว่าเป็นสมเด็จที่หลวงปู่อยู่วัดดักคะนน ชัยนาทสร้างบรรจุไว้ ซึ่งหลวงปูอยู่ท่านนี้เป็นพระร่วมสมัยกับหลวงปู่ศุข ปากคลอง หลวงพ่อคงบางกะพี้ ท่านมีอายุพรรษากาลอ่อนกว่าทั้ง 2 องค์โดยหลวงพ่อคงถือว่ามีความอาวุโสสุด ซึ่งทั้ง 3 ท่านนิยมไปมาหาสู่กันเสมอจะเพื่อการใดไม่ทราบชัดคนแถบชัยนาทเรียกกันว่า คง-อยู่-ศุข 3 คณาจารย์แห่งลุ่มแม่น้ำท่าจีน
    หลวงปู่อยู่ก่อนหน้าที่จะมาปกครองวัดดักคะนนท่านไปเรียนพระปริยัติธรรมที่ วัดบางขุนพรหม และได้รับมอบผงที่สมเด็จโตลบไว้และชิ้นส่วนสมเด็จที่ชำรุดจากเจ้าอาวาสวัด บางขุนพรหมในสมัยนั้นมามากพอสมควร ท่านจึงนำมาจัดสร้างสมเด็จของท่านซึ่งมีอยู่ 5 พิมพ์คือสมเด็จเนื้อผงขาวหลังเรียบพิมพ์ 3 ชั้น/ 7 ชั้น/ 9 ชั้น พิมพ์ใหญ่ขนาดครึ่งฝ่ามือเป็นพระคะแนน และเนื้อผงใบลานหลังรูปท่าน
    หลวงปู่อยู่ท่านนี้จากปากคำของคนเฒ่าคนแก่เล่าสืบมาว่าท่านเก่งถึงขนาดที่ ใช้มือจับเหล็กสลักโบสถ์ที่ยังมีไฟแดงๆอยู่แทนครีมคีบและตอกด้วยมือปล่าวๆ แทนฆ้อนได้
    สำหรับประสบการณ์ถือว่าแปลกกว่าสมเด็จโดยทั่วๆไปเพราะนอกจากจะมีพุทธคุณใน ด้านเมตตามหานิยมโชคลาภตามมาตรฐานตำรับสมเด็จแล้วยังมีพุทธคุณในด้านบู้ค่อน ข้างหนาหู เรื่องล่าสุดที่ได้รับฟังมาเหตุเกิดที่ จ.นครสวรรค์ ผู้ร้ายถูกตำรวจล้อมยิงในระยะใกล้ๆแบบวงรำวงเลยว่างั้น แต่ปรากฏว่ายิงไม่ออกซักกระบอกเลยในคอเจ้ากรรมมีสมเด็จดักคะนนองค์เดียว ไม่ได้ฉายหนังนะครับเพราะพระดีอยู่แล้ว ใครเขาพอใจที่จะประมูลเท่าไรก็ได้แค่นั้น จะพิมพ์แค่"สมเด็จกรุดักคะนนชัยนาท" หรือพิมพ์แบบนี้ก็อยู่ในเหรดราคาเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องนั่งพิมพ์สาธยายให้เสียเวลา แต่ต้องการเผยแพร่ข้อมูลเท่าที่ทราบให้กระจายออกไป เพื่อป้องกันประวัติศาสตร์พระดีที่โลกอาจจะลืม

    >>>ข้อมูลจากหนังสือสมเด็จต่างวัด<<<
    หลวงปู่อยู่อดีตเจ้าอาวาสวัดดักคะนน พระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยกับหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านได้สร้างพระพิมพ์สมเด็จเรียกว่าสมเด็จขาวและสมเด็จดำ โดยสมเด็จขาวสร้างจากผงพุทธคุณ ที่่ท่านลบตามสูตรมูลกัจจายน์ ส่วนสมเด็จดำสร้างจากผงใบลานจารอักขระคัมภีร์โบราณผสมกับผงพุทธคุณ พระสมเด็จขาวและสมเด็จดำ มีอายุการสร้างกว่า 60 ปี และบรรจุกรุไว้ และแตกกรุในสมัยที่หลวงพ่อผลเป็นเจ้าอาวาส พระชุดนี้จึงปรากฏคราบกรุให้เห็นโดยทั่วไป พระสมเด็จขาวและสมเด็จดำชุดนี้มีประสบการณ์ เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดและคงกระพันชาตรี
    พระกรุดักคะนนชัยนาทอายุราว 94 ปีมวลสารที่บรรจุในองค์พระของสมเด็จพุฒจารย์โตที่หลวงพ่อทองอยู่ได้นำมาผสมใน องค์พระกรุสมเด็จพระสมเด็จนี้ได้จัดขึ้นเมื่อปี พ. ศ. 2455 กรุแตกเมื่อปี พ. ศ. 2500 รวมแล้วราว 90 กว่าปี
    ผงพระสมเด็จกรุดักคะนน สร้างจากผงวิเศษของสมเด็จโต หลวงปู่อยู่เอาใส่เรือพายมาวัดปากคลองมะขามเฒ่า ถวายให้หลวงปู่ศุข ปลุกเสกเป็นกรณีพิเศษ

    ประวัติวัดดักคะนน
    การสร้างวัด เดิมนั้นเป็นวัดสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา เรียก"วัดชีตักคะนน" คำว่า"คะนน" หมายถึง หม้อน้ำที่ใช้ตักน้ำใส่ตุ่ม เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า ข้าวยากหมากแพง มีการต้อนเชลยศึก ผู้คนทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดเพื่อหลบหนีภัยสงคราม และ อพยพไปหาที่ทำกินแหล่งใหม่ วัดนี้ได้กลายเป็นสภาพวัดร้าง ประมาณปี พ.ศ.2400 วัดชีดักคะนนจึงได้รับการบูรณะให้คืนสภาพเป็นวัดอีกครั้ง โดยมีหลวงพ่ออยู่ เป็นผู้บุกเบิกร่วมกับชาวบ้านและได้เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก พร้อมทั้งได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น "วัดดงคะนน" จากนั้นมาจนถึงปี พ.ศ.2483 จากนั้นได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น "วัดดักคะนน" จนถึงปัจจุบัน และได้ทำการผูกพัทธสีมาในปี พ.ศ.2505 สำหรับปูชนียวัตถุมีพระประธานในอุโบสถสมัยอู่ทองและเจดีย์ (บริเวณกลางลานวัด) เป็นของเก่าอยู่คู่กับวัด

    หลวงปู่อยู่ท่านเป็นพระเก่งเรื่องเวทย์วิทยาคมและวาจาสิทธิ์องค์หนึ่ง
    ท่านเป็นสหธรรมิกกับ
    หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และหลวงพ่อคง วัดบางกะพี้ พระอาจารย์ทั้งสามองค์ชาวบ้านที่ชัยนาท และจังหวัดใกล้เคียงต่างให้ความเคารพนับถือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ซึ่งวัดท่านทั้งสามอยู่ในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้เดินทางไปมาหาสู่เพื่อแลกเปลี่ยนวิชาซึ่งกันและกันเป็นประจำ จนเรียกว่า"กินกันไม่ลง
    นิมนต์แล้วครับ

    IMG_20180206_213754.1.jpg
    IMG_20180206_213738.1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  13. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่100 รูปถ่ายหลวงพ่อเคน วัดถ้ำเขาอีโต้ หลังตะกรุด ไซ และนกสาริกา รูปหัวใจ ยุคเก่า *ทรงนิยมรูปหัวใจ(ใบโพธิ์)*
    รูปถ่ายหลวงพ่อเคน วัดถ้ำเขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรี หลังตะกรุด ไซ และนกสาริกา รูปหัวใจ ขนาดห้อยคอ แท้ทันหลวงพ่อแน่นอน หลวงพ่อเคนท่านเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าที่มีอายุยืนมาก ตอนที่มรณภาพท่านมีอายุถึง 111
    คุณduke2513นิมนต์ครับ

    IMG_20180206_213612.jpg
    IMG_20180206_213558.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  14. อาณัติ

    อาณัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2006
    โพสต์:
    6,075
    ค่าพลัง:
    +22,243
    จองเพิ่มครับ รวม 2 รายการ
     
  15. melonn

    melonn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,242
    ค่าพลัง:
    +2,025
    ขอจองครับ
     
  16. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบการจองครับ
     
  17. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    ขอโทษครับ คุณอาณัติจองก่อนครับ ดูจากเวลาจองครับ ขอบคุณครับ
     
  18. melonn

    melonn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,242
    ค่าพลัง:
    +2,025
    ขอโทษครับ ไม่ทันได้ดู ขอบคุณครับ
     
  19. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่101 เหรียญหลวงพ่อเพิ่ม วาจาสิทธิ์ วัดสรรเพชร อ.สามพราน จ.นครปฐม ปี ๒๕๑๘ (รุ่น ๔)
    หลวงปู่เพิ่มนั้นท่านเป็นสหธรรมมิก และ มีความสนิทสนมกับ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม และ ได้แลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่ตลอด ตั้งแต่ตอนที่ท่านเพิ่งย้ายมาอยู่วัดสรรเพชร (สรรเพชญ) ถ้ามีลูกศิษย์จากอำเภอสามพราน นครปฐม ไปกราบไปขอของดีจากหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อเงินท่านจะบอกว่า ไม่ต้องมาไกลหรอก หลวงปู่เพิ่ม วัดสรรเพชร ท่านก็เก่งไม่เบาเลยทีเดียว อีกทั้งหลวงปู่เพิ่มท่านยังได้มีการพบปะ แลกเปลี่ยน ทดลองวิชากับ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ อีกด้วย ทั้งได้รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีปลุกเสกร่วมกับทางวัดกลางบางแก้ว หลายครั้ง หลายคราด้วยครับ เหรียญนี้สร้างเมื่อ ปี18 ออกที่วัดสรรเพชร ท่านมรณะภาพในปี 2526
    ปิดครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  20. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    แจ้งข่าว บูชาครบพระใบโพธิ์ ตอนนี้ เหลือองค์สุดท้ายครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2018

แชร์หน้านี้

Loading...