อยากให้คนมาคุยกันเพจนี้ ห้ามด่ากันนะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย คนรักชาติ, 21 มิถุนายน 2016.

  1. คนรักชาติ

    คนรักชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +181
    [URL="http://palungjit.org/posts/10051420[/URL]
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไม่เวิรก หรอก

    เพราะคำว่า นักวิทย์ วิทยแบบ ไทยๆ คือ พยายามจะเทียบ
    เรื่อง อนุภาค เทียบกับ การสิ้นไปของกิเลส ตัณหา อุปทาน

    มันคนละเรื่องอยู่แล้ว

    พอเราบอกถึงความจริงเรื่อง สิ้นกิเลส ตัณหา อุปทาน
    พวกนักวิทย์ ก็เข้าใจไปว่า โดนนักปฏิบัตธรรมด่า ว่าไปโน้น
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ลองไปถามนักวิทยคนนั้นดู

    ผลการทดลอง จะต้อง เปนวัตถุพยานจับต้องได้

    กรณีที่ รู้จริง เสร็จกิจ จบสิกขา การศึกษา
    ทางพุทธ ระบุว่า ต้องปลงผมออกบวช 1000%

    เนี่ยะ ถามเขา เอาผลการทดลอง จบสิกขา มาแสดงได้ไหม

    พอถามไปนะ ร้อยละร้อย หาว่า เราหลอกด่า ไปโน้น
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไหนๆ ก็ ไหนๆ และ ลองดูละกัน

    พระพุทธองค์ตรัสถึง ปฏิกริยาสามัญ จะเกิดขึ้นทันที
    ที่คนมีศาสนาก็ดี ไม่มีศาสนาก็ดี พอได้ยิน สัทธรรม
    แล้ว จะเกิดความพอใจ จนไม่อาจต้านทานได้ จะฟัง
    และ รับเอาไปศึกษาเปรียบเทียบ

    ที่นี้ พระพุทธองค์ ยังตรัสถึง ความพอใจที่รับ
    สัทธรรมไปเปรียบเทียบ นั้นมีความแปรปรวน
    เปนธรรมดา

    หากสามารถกำหนดเหนสัจจ ความพอใจ ไม่พอใจ
    และ การรุ้สึกเฉย เปนสิ่งแปรปรวนได้ จะรู้ถึง
    การพ้น สรรพธาตุ สิ้นกิเลส ตัณหา อุปทาน
    โดยที่ มีสติ มีสัมปชัญญะ บริบูรณ์
     
  5. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ไอสไตน์กล่าวว่า
    .... "ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา(คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้น เมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนา ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้....ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา"


    ....ถ้ามีศรัทธา ถึงจะศึกษาศาสนาพุทธได้ และเป็นวิทยาศาสตร์ด้วย แต่ต้องเป็นขั้นเป็นตอน

    ....ตอนผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ผมไม่เคยแพ้ใคร ในวิชา ฟิสิกส์ พอมาศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้ายิ่งทึ่งในวิชาที่นำมาถ่ายทอด

    ....ลองคิดดูสิ มีศาสนาไดบอกว่า เรามิได้แค่จิตเป็นตัวผู้รู้ และมิได้มีจิตเป็นตัวเรา
    ....จิตเป็นแค่ สิ่งที่เกิดการปรุงแต่ง และสามารถสิ้นไปดับไปตามกฏ ปฏิจสมุปบาท

    ....บางอย่างถึงพิสูจน์ไม่ได้ด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็สามารถพิสูจน์ด้วย การปฏิบัติ ผู้สำเร็จพระอรหันต์ คนใหนสงสัยในสิ่งที่พระองค์สอน เป็นไม่มี จะมีก็แต่คนที่ยังไม่สำเร็จ

    ....เรารู้จักว่าเราเป็นใคร มาจากใหน อยู่อย่างไร มีการกำหนดทิศทางชีวิตได้อย่างไร ล้วนได้รับคำอธิบายจากคำสอนของพระพุทธเจ้า

    ....เรามีตัวตนที่คงที่อยู่ มิใช่ดับสูญ นิพพานธาตุ คือ นามธาตุที่เป็นอสังขตธาตุ ยังรับรู้ในรูปสัมปชัญญะ อยู่ตลอดถ้าเราสร้างสติให้เป็น ก่อนนี้เราไม่เคยรู้ว่าเราเป็นใคร ต่อมาเรารู้เพราะพระองค์สอนให้มีสติ สัมปชัญญะ รู้สึกตัว ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

    ....ศาสนาพุทธไม่ใช่ใสยาศาสตร์ เป็นศาสนาแห่งผุ้ตึ่น ผุ้รู้สึกตัวอยู่ตลอด พุทธะคือผู้รู้ ผู้ตื่นผุ้ เบิกบาน
     
  6. เวโรจนะ

    เวโรจนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +129
    เมื่อก่อนเราไหลไปตามวัฏสงสาร ขึ้นบ้างลงบ้าง พลิกคว่ำพลิกหงาย ไม่รู้ทางออก ต่อเมื่อมาสัผัสสัมพันธ์กับกระแสแห่งพุทธะ เราจึงเริ่มสร้างสติ สั่งสมสุตตะ เริ่มเกิดการตื่นรู้ จากน้อยไปหามาก โดยมีภวังคจิตเป็นตัวบันทึก เป็นเมมโมรีชั้นเลิศ ไม่มีคำว่าหน่วยความจำเต็ม
    เมื่อสติมากจึงตื่นรู้มาก จนสัตว์โลกจำนวนมากพ้นไปจากโลก...
     
  7. คนรักชาติ

    คนรักชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +181
    เป้นคำตอบที่ดีครับ
     
  8. คนรักชาติ

    คนรักชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +181
    ถ้าอธิบายให้คนที่เชื่อเรื่องการระลึกชาติได้จะอธิบายว่า
    สิ่งที่เรียกว่าตัวเรา ถ้ามันเป้นตัวเราจริง ทำไมเป้นตัวเราในชาตินี้ แต่เป้นบุคคลอื่นในชาติอื่น แสดงว่าตัวเราเป้นแค่เพียงบทบาทเท่านั้น แต่ไม่มีตัวเราจริงๆ .
    .
    ถ้าอธิบายให้นักวิทยาศาสตร์ฟังจะอธิบายว่า
    ถ้ากายขาดจิตก้อจะไปแค่สสาร ถ้าจิตขาดกายก้อเป้นแค่พลังงาน นั่นแสดงว่า
    กายเป้นสสารที่เป้นสิ่งไม่มีชีวิต จิตเป้นพลังงานที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่ทำงานเป้นหนึ่งเดียวกัน
    กายจิตเป้นสิ่งไม่มีชีวิต แต่เล่นตามบทเหมือนว่าตัวเรามี
    .
    ถ้าอธิบายให้นักปฏฺิบัติธรรมทั่วไปฟัง จะอธิบายว่า
    คนประกอบด้วยขันธ์5 กาย วิญญาน สังขาร สัญญา เวทนา ถ้าขันธ5เหล่านี้ควบคุมได้100% ขันธ5มันก้อคงจะเป้นตัวของเรา แต่ขันธ์มันควบคุมไม่ได้100%มันจะเป้นตัวเราได้งัย มันแค่ทำงานร่วมกันในรุปแบบคน แล้วถุกเรียกว่าตัวเราเอาทีหลัง
    สิ่งที่เป้นตัวเราไม่มี มีแต่สิ่งที่เรียกว่าตัวเรา
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    การเข้าใจธรรมที่พระพุทธองค์แสดง กับ การเข้าถึง นั้น ไม่เหมือนกัน

    ในพุทธศาสนา เรา สรรเสริญ คนที่ปฏิบัติจนสำเร็จ กิเลสขาดสะบั้น

    ส่วนการ การรับฟังปากเปล่า(โวหาร) เราไม่สรรเสริญ เพราะเป็น
    เรื่องของ คนมีกิเลส เขาทำกัน


    ดังนั้น ศาสนาพุทธ ไม่ได้มุ่งกล่าวโวหา แล้ว เอาการเชื่อ

    เราหมายเอา คนๆนั้น น้อมใจไปปฏิบัติ จนเห็น กิเลสขาดสะบั้น
    เห็นผล...จนเห็นประโยชน์จากการปลงผมออกบวช(หากยังมีชีวิตอยู่)
    เป็นสำคัญ


    ปล. ความอัศจรรย์ของ สัทธรรม ของพระพุทธองค์ อีกอย่างคือ เมื่อ
    ชนคนใดสดับธรรมของพระพุทธองค์แล้ว ธรรมฐิติ เกิดก่อน ....ญาณเกิดทีหลัง

    แปลว่าอะไร แปลว่า การจดจำตีความเข้าใจ ย่อมเกิดก่อน( ด้วยอำนาจ ของ พระพุทธองค์ ไม่ใช่ คนสดับธรรม )
    ส่วน ญาณ เกิดทีหลัง คือ คนเอาไปปฏิบัติจนเห็นกิเลสขาดสะบั้น ญาณ จึงเกิดทีหลัง
    ถ้า คนฟังธรรม แล้วไม่ปฏิบัติ คนๆนั้น เกิดมาตายเปล่า แถม พร้อมลงนรกด้วย
    เพราะอ้างว่า รู้ทั่วถึงธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2016
  10. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    เทคโนโลยีที่มีความสลับซับซ้อนและมีพลังมากที่สุดคือมนุษย์การรู้ความจริงเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้มีน้อยมากทำกันมานานนับไม่ได้เพื่อค้นหความจริง..สุดท้ายอาจรู้หรือไม่รู้ก็ได้แต่ธรรมทีาเป็นพุทธดำรัสก็เป็นกุญแจดอกหนึ่งเหมือนกันในขณะที่วิทยาศาสตร์แปลความหมายธรรมในทางวิทยาการแต่ธรรมก็ไม่ใช่เชิงจะเป็นเพราะเงื่อนไขและปัจจัยไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตรเสมอไปเพราะอะไร...น่าจะเพราะการค้นพบและยืนยันมันเรื่องของตนเองก็เป็นได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...